การบริโภคผักทุกวันนี้นับเป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผักที่มีการฉีดพ่นด้วยสารเคมี แล้วทำการเก็บเกี่ยวในช่วงที่ยังไม่ปลอดภัย ผักพื้นบ้านมีหลายชนิดที่ไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดแมลง และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงต่อผู้บริโภค เช่น ผักหวานบ้าน แต่การนำยอดผักมาปรุงอาหารนั้น คนส่วนมากนิยมนำมาแกงหรือผัด เมื่อถูกความร้อนสารอาหารในผักจะละลายมาอยู่ในน้ำแกงหรือน้ำผัดมากกว่ายอดผักหวานที่ปรุงสุกแล้ว การนำผักหวานมาทำชาผักหวาน น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างเต็มที่ การทำชาผักหวานบ้านมีวิธีการทำที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้หลักการเหมือนกับชาที่ใช้ชงดื่มทั่วไป เพียงแต่ใช้ยอดผักหวานแทนใบชาเท่านั้น
การทำชาผักหวานบ้าน
1. การทำชาผักหวานบ้านให้ได้รสชาติดีและมีคุณภาพ การเก็บยอดผักหวานควรเก็บเวลา 04.00-06.00 น. เพราะจะได้วิตามินครบถ้วน (ยังไม่มีการสังเคราะห์แสง) การเก็บควรเลือกเก็บเฉพาะใบยอดอ่อนเท่านั้น ความยาวประมาณ 5-10 ซม. น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม
2. นำยอดผักหวานบ้านที่เก็บได้มาคั่วไฟอ่อน ๆ ที่สม่ำเสมอคั่วจนสุกเหลืองและกรอบพอสมควร
3. เมื่อคั่วเสร็จแล้ว นำไปตากแดดประมาณ 2-3 แดด หรือจะใช้ตู้อบก็ได้เพื่อไล่ความชื้นออกไปให้หมด ป้องกันการเกิดเชื้อรา และเก็บไว้ชงดื่มต่อไป ซึ่งสามารถเก็บได้นานเป็นปี
วิธีชงชาผักหวาน
ใช้ชงแบบชาจีนทั่วไป คือ เอาชาผักหวานใส่ใสกา แล้วเทน้ำร้อนลงไปพอสมควร ทิ้งไว้สักพัก ก็จะได้น้ำชาผักหวานที่หอมอร่อย หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ บดใบชาผักหวานบ้านให้ละเอียดแล้วบรรจุใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยโภชนาการของมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ยอดอ่อนและใบอ่อนของผักหวานบ้านเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนมากกว่าผักชนิดอื่น แคลเซียมบำรุงกระดูก ฟอสฟอรัสป้องกันการติดเชื้อ เบต้าแคโรทีนป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ไม่ให้เกิดมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ในใบผักหวานสด ๆ ยังมีวิตามินซีสูง ช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อหรือเซลล์ในร่างกายถูกทำลายจากมลพิษทางอากาศหรือรังสีจากแสงแดด เมื่อเราได้รับสารอาหารดังกล่าว ทำให้การยืดหดตัวของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพตามไปด้วย การทำชาผักหวานบ้านควรใช้ใบอ่อนหรือยอดอ่อนของผักหวานเท่านั้น ถ้าเราใช้ใบแก่ทำให้รสชาติไม่ชวนรับประทาน
เจ้าของผลงาน นายจำรัส ปุ๋ยกระโทก
สถานที่ติดต่อ 724 หมู่ 4 ตำบลพลวงทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี โทรศัพท์ 086-153-2607
ที่มา : สถาบันสร้างเสริมนวัตกรรมภูมิปัญญาเศรษฐกิจพอเพียง กรมส่งเสริมการเกษตร "นวัตกรรมภูมิปัญญาเศรษฐกิจพอเพียง องค์ความรู้ของเกษตรกรและชุมชน", 2552.